เกาะเชจู นิยามใหม่ของการพักผ่อนใกล้ธรรมชาติ

เกาหลีใต้จัดได้ว่าเป็นประเทศที่คนไทยส่วนใหญ่ค่อนข้างนิยมไปท่องเที่ยวกันเป็นอย่างมาก ด้วยความที่นี่คืออีก 1 ประเทศที่มีสภาพอากาศที่คนไทยชอบ ราคาไม่แพง เดินทางไม่ไกล ที่สำคัญหลายคนยังฝันว่าจะได้ไปตามหาดาราในดวงใจกันด้วย เลยทำให้ประเทศแห่งนี้กลายเป็นประเทศที่มีคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวในแต่ละปีไม่น้อยเลย ซึ่งจริงๆ แล้วสถานที่เที่ยวในประเทศแห่งนี้ก็มีอยู่ด้วยกันมากมายขึ้นอยู่กับว่าใครจะเลือกเดินทางไปท่องเที่ยวยังส่วนใดของประเทศ ซึ่งหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างมากในการเดินทางไปยังประเทศเกาหลีใต้ก็คือ เกาะเชจู เกาะเชจู เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเกาหลีใต้ถือเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดก็ว่าได้ ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งของประเทศ คนที่มาเที่ยวส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกชมความงดงามตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีอยู่บนเกาะ เกาะแห่งนี้เกิดขึ้นจากการระเบิดของของปล่องภูเขาไฟนั่นจึงทำให้ธรรมชาติบนเกาะแห่งนี้มีความสวยงามเป็นอย่างมาก อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีก็อยู่ราวๆ 15 องศาเซลเซียส อากาศที่เย็นสบายแบบนี้ทำให้เวลาเดินไปไหนมาไหนบนเกาะก็ไม่รู้สึกร้อน สถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะเชจูเองก็มีอยู่ด้วยกันมากมาย อาทิ อุทยานแห่งชาติภูขาฮัลลาซาน เป็นจุดที่มียอดเขาสูงที่สุดของเกาะ มีเส้นทางสำหรับการศึกษาธรรมชาติที่งดงาม ใครที่ชอบเดินป่าหรือปีนเขาต้องหลงรักสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน มีทะเลติดชายหาดที่สวยงาม, ปากปล่องภูเขาไฟซานกึมบูริ เป็นปากปล่องที่เราสามารถเยี่ยมชมได้จากมุมองด้านบน ขนาดเส้นรอบวงสูงราว 2 เมตร มีต้นไม้หลากหลายนานานชนิดที่เกิดขึ้นมาให้ได้ศึกษา ส่วนบริเวณใกล้เคียงก็มีเส้นทางไหลของลาวาตั้งแต่ยุคอดีตอีกด้วย, ถ้ำมานจังกุล เป็นถ้ำอันเกิดจากลาวาภูเขาไฟมีความยาวไกลสุดถึง 13.4 กิโลเมตร เป็นเขตมรดกโลกที่มีความเชื่อกันว่ามีอายุยาวนานข้ามผ่านกาลเวลาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์, ยุคน้ำแข็ง, น้ำตกชองบัง เป็นน้ำตกที่มีความเชื่อว่ามังกรอาศัยอยู่ ส่วนน้ำที่รองมาจากน้ำตกแห่งนี้ก็ว่ากันว่าค่อนข้างมีความศักดิ์สิทธิ์มากพอตัว สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ด้วย ถือว่าเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมากๆ แห่งหนึ่งในประเทศเกาหลีใต้ นอกจากนี้ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ บนเกาะเชจูให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางมาท่องเที่ยวกันอีกมากมาย แค่คร่าวๆ สำหรับความงดงามเบื้องต้นที่ได้กล่าวไปก็น่าจะเพียงพอในการดึงดูดให้รู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องลองไปสักครั้ง

เอเวอเรสต์ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของนักปีนผ่าทั่วโลก

สถานที่ท่องเทียวแห่งหนึ่งที่ได้ชื่อว่ามีความท้าทายต่อนักท่องเที่ยวทุกคนมากที่สุดคงหนีไม่พ้นการได้มีโอกาสไปสัมผัสกับภูเขาเอเวอร์เรสต์ ภูเขาที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในโลก เปรียบได้กับหลังคาของโลกที่หากจะว่ากันตามความเป็นจริงมันคงเป็นเรื่องยากที่คนธรรมดาทั่วไปจะมีโอกาสได้ปีนเขาขึ้นไปอยู่บนจุดที่สูงที่สุดในโลก แต่การที่ได้มีโอกาสไปสัมผัสใกล้ๆ อย่างการไปอยู่ในบริเวณที่ถูกเรียกว่า Everest Based Camp ก็ถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่มีความงดงามไม่แพ้กันเลย จุดคลายแม็กซ์ของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้มันไม่ได้อยู่ที่ว่าวิวทิวทัศน์อันสวยงามที่ได้มองเห็นยอดเขาเอเวอร์เรสต์ แต่ความสุดยอดของมันเริ่มต้นตั้งแต่การเดินทางเลยด้วยซ้ำ สำหรับคนที่ต้องการความรู้สึกอยากเห็นยอดเขาเอเวอร์เรสต์ด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิตแบบชิดใกล้สุดๆ แต่ไม่มีความสามารถมากพอที่จะปีนขึ้นไปได้ ก็คงต้องมาอยู่รวมกันตรงจุดเที่ยวจุดนี้อย่างไม่ต้องสงสัย การเดินทางเริ่มต้นที่กาฐมัณฑุ เมืองหลวงของประเทศเนปาล จากนั้นต้องนั่งเครื่องบินเล็กไปยังเมืองลุคลา เมืองที่เป็นจุดในการขึ้นเขาไปชมความสวยงามของเอเวอร์เรสต์ ซึ่งหลังจากลงเครื่องบินสิ่งเดียวที่เราสามารถทำได้นับจากนี้ก็คือการเดิน เดินเพียงอย่างเดียวเท่านั้นโดยเส้นทางที่เราจะเดินมันเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ตีนเขาเรียกว่า นัมเช บาซาร์ ซึ่งปกติแล้วการเดินผ่านหมู่บ้านแห่งนี้เราจะต้องจ้างชาวเชอร์ปาในการช่วยแบกของให้โดยชาวเชอร์ปาก็คือคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณเอเวอร์เรสต์ พวกเขาะมีความสามารถในการขนของหนักๆ หรือเอาวางไว้บนตัวจามรีเพื่อขนขึ้นไปให้กับเราจนถึง Everest Based Camp เมื่อเตรียมตัวกันเรียบร้อยจากสนามบินเวลาโดยเฉลี่ยที่เราเดินจะอยู่ที่ประมาณ 2 วัน เต็มๆ เป็นการเดินขึ้นเขาลัดเลาไปตามเส้นทางที่ได้มีจัดเอาไว้ให้ ระหว่าง 2 ข้างทางก็จะเป็นหมู่บ้านของคนที่อยู่อาศัยรวมถึงธรรมชาติต่างๆ อาทิ แม่น้ำ ต้นไม้ ภูเขา รวมถึงเราจะเห็นขอดเขาเอเวอร์เรสต์อยู่ลิบๆ ตาออกไปด้วย นับว่าเป็นภาพที่ต้องเก็บบันทึกเอาไว้เป็นอย่างมาก หลังจากที่เดินกันมาแสนยากลำบากความเหนื่อยทั้งหมดจะถูกกองเอาไว้ตรงก้อนหิมะก้อนใสก้อนหนึ่งบน Everest Based Camp เพราะความงดงามที่ได้รับมันไม่ได้มีแค่ความสวยงามตรงจุดนี้เพียงจุดเดียวอย่างที่บอก แต่มันงดงามตั้งแต่การตัดสินใจเอาชนะขีดจำกัดของตัวเองในการเดินขึ้นเขามาจนถึงจุดนี้ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่หากใครมีโอกาสต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิตให้ได้